หน้าแรก เกี่ยวกับสถาบัน บริการบำบัดรักษายาเสพติด ติดต่อเรา

สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.)


วิเคราะห์ข่าวส่งเมียโหดตรวจสภาพจิตฆ่า-หั่นผัว พิมพ์
Tuesday, 09 October 2012

          ตำรวจ คุมตัวเมียคลั่งยาบ้า ฆ่าหั่นศพผัวอดีตดีไซเนอร์ป่วยเป็นอัมพาต ชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ห้องพักย่านบางกอกน้อย สารภาพใช้ไขควงแทงหัวและหลัง ลากศพมาหั่นอำพรางคดี อ้างเทพเข้าสิงบอกสามีมีทุกข์จึงต้องฆ่า ส่วนคนข้างห้องผวาแจ้งย้ายออก ตำรวจเตรียมส่งผู้ต้องหาตรวจอาการทางจิต ด้านอธิบดีกรมสุขภาพจิต เผยหากป่วยทางจิตต้องรักษาในฐานะผู้ป่วยคดี  แต่เกิดจากฤทธิ์ยาเสพติดจนหูแว่ว ประสาทหลอน หยุดเสพก็จะรู้สึกตัวต้องกลับไปรับโทษ

          กรณี น.ส.พรสุรีย์ ดีแผ่ว อายุ 36 ปี เมียคลั่งเสพยาบ้าฆ่าหั่นศพนายประสิทธิ์ ศรีสมบุญญานนท์ อายุ 47 ปี สามี อดีตดีไซเนอร์ป่วยเป็นอัมพาตครึ่งตัวเดินไม่ได้ นอนอยู่ในห้องชั้น 7 ของธิติวงศ์อพาร์ตเมนต์ ซอยบางขุนนนท์ 12 เขตบางกอกน้อย กทม. น.ส.พรสุรีย์เสพยาบ้าจนหลอนอ้างตัวเป็นเทพเจ้า บอกสามีเป็นปีศาจอยู่ร่วมกันไม่ได้ จึงลงมือฆ่าโหดใช้มีดตัดศีรษะโยนทิ้งคลองบางกอกน้อย ส่วนลำตัวยัดลงกระเป๋าเดินทาง ตัดมือและเท้า ตามตัวมีแผลเหวอะ ตำรวจแจ้ง 2 ข้อหา ฆ่าคนตายโดยเจตนาและปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพเพื่อปิดบังสาเหตุการตาย ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.30 น. เมื่อวันที่ 8 ต.ค. พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ชวลิต ประสพศิลป์ รอง ผบก.น.7 พ.ต.อ.สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล ผกก.สน.บางขุนนนท์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางขุนนนท์ คุมตัว น.ส.พรสุรีย์มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ห้อง 714 ชั้น 7 ธิติวงศ์อพาร์ตเมนต์ โดยมีบรรดาไทยมุงให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

          จุดแรกภายในห้องพัก 714 เป็นห้องหัวมุมติดกับบันไดหนีไฟ ลักษณะเป็นห้องชุด มีห้องนอน 2 ห้องและห้องรับแขก พบสุนัข 2 ตัววิ่งเล่นซุกซนอยู่ในห้อง ตำรวจนำตัว น.ส.พรสุรีย์ ชี้จุดที่ห้องนอน บนเตียงที่สามีนอนป่วยอยู่ แสดงท่าใช้ไขควงแทงที่หน้าผากและหลัง แล้วลากศพมาห้องรับแขกเป็นจุดที่ชำแหละ ก่อนนำชิ้นส่วนยัดใส่กระเป๋าเดินทางมาวางไว้หน้าห้อง จากนั้นนำผู้ต้องหาไปชี้จุดที่ทิ้งศีรษะลงในคลองบางกอกน้อย อยู่ชั้นล่างด้านหลังอพาร์ตเมนต์ ขณะนั้น น.ส.พรสุรีย์มีอาการหน้ามืดนั่งทรุดตัวลงกับพื้น เมื่อเห็นผู้ต้องหาเดินไม่ไหวจึงยกเลิกการทำแผน คุมตัวกลับไปที่ สน.บางขุนนนท์ ส่วนบรรยากาศผู้พักอาศัยภายในอพาร์ตเมนต์ดังกล่าวที่อยู่ชั้น 7 ออกมายืนดูด้วยความสนใจ นอกจากนี้ยังมีผู้พักอาศัยในชั้นเกิดเหตุเริ่มแจ้งย้ายออกบ้างแล้ว เพราะเกิดความหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

          พล.ต.ต.ปริญญากล่าว ว่า  ผู้ต้องหารับสารภาพ จึงนำตัวมาทำแผนชี้จุดเกิดเหตุ ขณะนั้นผู้ต้องหาหน้ามืดเป็นลม อาจเป็นเพราะยาเสพติดหมดฤทธิ์ ร่างกายอ่อนเพลีย จึงต้องยกเลิกการทำแผนจุดอื่นไปก่อน ผู้ต้องหาก่อเหตุขณะผู้ตายหลับเวลา 02.00 น. ของวันที่ 6 ต.ค. ใช้ไขควงแทงที่หน้าผากและหลังของผู้ตาย ใช้มีดทำครัวตัดแยกชิ้นส่วนศพใส่กระเป๋าเดินทางและถุงพลาสติกแบบมีซิป ผู้ต้องหาให้การถูกต้องตรงตามสภาพรอยบาดแผลของศพ ชิ้นส่วนมือและเท้ายังหาไม่เจอ อ้างว่าใส่ในถุงพลาสติกโยนทิ้งลงน้ำ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะตรวจสอบกล้องวงจรปิดไม่พบว่าผู้ตายเดิน ถือถุงออกมา จากนี้จะส่งตัวผู้ต้องหาไปยังสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เพื่อตรวจสอบว่าสภาพจิตผิดปกติหรือไม่

          นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ส่งตัวผู้ต้องหามาที่โรงพยาบาลในสังกัดของกรม สุขภาพจิต เพื่อตรวจสอบอาการทางจิต ซึ่งตามกฎหมายแล้วการก่อเหตุภายใต้ฤทธิ์ยาเสพติดจะมีฐานความผิดต่างจากผู้ ต้องหาที่ก่อเหตุด้วยการเจ็บป่วยทางจิต ซึ่งจะต้องได้รับการรักษาในฐานะผู้ป่วยคดี ส่วนผู้ต้องหาที่ก่อเหตุภายใต้ฤทธิ์ยาเสพติด เมื่อหยุดยาเสพติดประมาณ 2-3 วัน จะเริ่มมีอาการถอนฤทธิ์ยาและรู้สึกตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะส่งตัวกลับไปดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับการใช้ยาเสพติดจะก่อให้เกิดอาการหูแว่ว ประสาทหลอน ทำให้สามารถก่อเหตุทำร้ายผู้อื่นหรือตัวเอง แต่เมื่อหยุดเสพยาจะเริ่มรู้สึกตัว ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตทั่วไป สาเหตุการเกิดโรคจะมาจากหลายปัจจัย ดังนั้นจะต้องสังเกตอาการเบื้องต้นของผู้ก่อเหตุก่อน หากไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเจ็บป่วยหรือก่อเหตุเพราะฤทธิ์ยา ก็จะต้องมีการส่งตัวให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์อาการต่อไป
ไทยรัฐออนไลน์

          จากการวิเคราะห์ข่าวเบื้องต้น จะเห็นได้ว่าการกระทำของผู้ต้องหา เป็นพฤติกรรมของผู้มีอาการป่วยทางจิต (psychosis) ชัดเจน ตั้งแต่การแต่งหน้าเข้ม การสวมเครื่องประดับที่เกินคนปกติทั่วไป การพูดจาที่วกวนและพร่ำเพ้ออ้างตนเองเป็นเทพเจ้า และผู้ตายเป็นปีศาจ จนถึงการฆาตกรรมที่โหดเหี้ยม    

          ซึ่งจากประวัติเบื้องต้นและการตรวจปัสสาวะ พบว่า มีการเสพ สารกระตุ้นซึ่งน่าจะเป็นสารกลุ่มแอมเฟตามีน (amphetamine type stimulant หรือเรียกย่อๆว่า ATS) ซึ่งมักเป็นยาบ้า หรือ ไอซ์ หากเสพในปริมาณสูงอาจทำให้เกิดอาการทางจิต (amphetamine intoxication) หรือการเสพต่อเนื่องอาจทำให้เกิดอาการดังกล่าวได้เช่นเดียวกัน (amphetamine induce psychosis)    

          อย่างไรก็ดีผู้ป่วยที่เป็นโรคจิตเภท (Schizophrenia) และมีอาการกำเริบเนื่องจากไม่ได้รับการรักษา หรือรักษาไม่ต่อเนื่อง ก็อาจมีพฤติกรรมรุนแรงและกระทำการดังกล่าวได้ หรือผู้ป่วยอาจมีสาเหตุร่วมดังกล่าวทั้งสองกรณีคือ เป็นโรคจิตเภทและเสพยาบ้าด้วย (comorbidity) หรือการเสพยาบ้าไปกระ ตุ้นให้อาการของโรคจิตเภทรุนแรงขึ้น (precpitating หรือ aggrevating of underlying schizophrenia) ก็สามารถมีพฤติกรรมดังกล่าวได้เช่นเดียวกัน ซึ่งคงต้องติดตามข่าวต่อไปว่า หลังจากพบจิตแพทย์ เพื่อตรวจประเมินสภาพจิตร่วมกับการได้ประวัติ เพิ่มเติมที่ชัดเจนจะสามารถสรุปสาเหตุของการกระทำที่โหดเหี้ยมทารุณนี้ได้ 

นพ.อังกูร ภัทรากร จิตแพทย์ สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี
อ้างอิงข่าวจาก http://www.thairath.co.th

แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( Wednesday, 24 October 2012 )
< ก่อนหน้า